เริ่มต้นเทรดหุ้น

จากที่ผมโพส Facebook เกี่ยวกับการเล่นหุ้น แล้วก็จะมีเพื่อนๆใน Facebook เข้ามาถามอยากลองลงทุนบ้างจะต้องทำยังไง ซึ่งการที่จะอธิบายให้เข้าใจง่ายๆเลยผมมองว่าทำได้ยาก เพราะจุดประสงค์ในการเทรดหุ้นของแต่ล่ะคนแตกต่างกัน อีกทั้งมันยังต้องใช้ลักษณะนิสัยส่วนตัวด้วย บล็อกนี้เลยจะมาอธิบายภาพรวมแยกการเล่นแต่ล่ะแบบ ให้ดูว่ามีแบบไหน แล้วเราน่าจะเหมาะกับแบบไหนและแนะช่องทางการศึกษาแต่ล่ะแบบ


นักเทรดหุ้นจะแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ๆ คือ


1 นักลงทุน หรือ ที่เขาชอบเรียกกัน VI  นักเทรดประเภทนี้จะถือหุ้นในระยะยาว มีเงินก้อนใหญ่ เข้าสะสมหุ้นในตอนที่ราคาถูกๆ แล้วเก็บกินปันผลระหว่างรอให้หุ้นเติบโตไป  โดยการเลือกหุ้นของเขาจะมองที่พื้นฐานของหุ้นเทียบกับราคา 


ข้อดีของนักลงทุนคือไม่ต้องเฝ้าหุ้น เลือกหุ้นตัวดีๆ แล้วถือไปในระยะยาวไป คนมีงานประจำก็เอาเงินออมจากที่เก็บไว้ในธนาคารจะได้ประมาณ 1% แต่ถ้าซื้อหุ้นธนาคารจะได้ปันผล 5% ซึ่งผมว่าเอาเงินมาซื้อหุ้นธนาคารน่าจะดีกว่าฝากประจำอีก


แต่ข้อควรระวังคือเก็บที่เอามาลงทุนควรจะเป็นเงินเย็นในระยะยาวๆ เพราะถึงเราจะได้ปันผล 5% แต่ก้มีโอกาสที่หุ้นจะราคาลงจนเราเสียต้นทุนไปเยอะ อย่างช่วงโควิดที่ราคาหุ้นดิ่งลงกันเยอะ ถ้าไม่สามารถรอจนผ่านวิกฤตไปได้แล้วต้องขายออกก็จะทำให้กลายเป็นขาดทุน


แหล่งความรู้ว่าที่ดีที่สุดตอนนี้คือ https://www.jitta.com  เป็นเว็บไซต์ที่ใช้ AI มาวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นแล้วจัดลำดับคะแนนให้เรา ทำให้สะดวกในการเลือกมาก ใครที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเลยก็สามารถมาเริ่มเลือกจากเว็บนี้ได้ และเขาก็มี youtube https://www.youtube.com/user/jittaworld ที่ให้เราไปเรียนพื้นฐานได้ ใครที่ไม่มีความรู้เลยมาเริ่มที่ jitta ผมว่าดีที่สุดครับ



2 สายเทรดระยะกลาง หรือ ที่เรียก Swing Trade 

จะเป็นนักเล่นหุ้นสายเก็งกำไรระยะกลางคือถือหุ้นช่วงตั้งแต่ 1 อาทิตย์ ไปจนถึง 1 ปี สายนี้ก็จะเน้นดูกราฟหุ้น กราฟแท่งเทียน วิเคราะห์จุดน่าซื้อ จุดควรขายหุ้น สายนี้บางคนก็จะใช้ความรู้ทางสาย VI มาผสมหรือดูแต่กราฟก็ได้ 

ข้อดีของสายนี้ จะแก้ปัญหาอย่างนึงของสาย VI คือจะได้ราคาถูกกว่า เพราะผมเริ่มมาศึกษากราฟเพราะในตอนแรกเลือกหุ้นจากเว็บ jitta ช่วงแรกๆ ซื้อปั๊บโชคดีสักพักหุ้นมันก็ขึ้น แต่ช่วงหลังๆ มันลงไปเรื่อยๆ ทั้งที่ข้อมูลจากเว็บวิเคราะห์ว่าเป็นหุ้นดี พอมาศึกษาเลยเข้าใจว่ามันคือ ขาลง ( Down Trend ) ทำให้ราคามันตกลงเรื่อยๆ ถึงแม้ถ้าพื้นฐานดี แต่เวลาเห็นหุ้นแดงลงๆ เราก็คงไม่มีความสุขกัน และจะดีกว่าไหม ที่เราเลือกหุ้นดีๆจาก jitta แล้ว รอสัญญาณขาขึ้น Up Trend) ซื้อแล้วราคาขึ้นไปเรื่อยๆ ถือไว้ยังไงก็มีความสุข 

ผมเลยมองว่าสายนี้น่าจะเหมาะกับทุกคน คือเลือกหุ้นดีๆ แล้วอ่านกราฟเป็นสักนิดพอวิเคราะห์เทรนด์ได้ แล้วเข้าตอนขาขึ้นน่าจะดีที่สุด

สำหรับคนที่อยากมาทางสายนี้ผมแนะนำ https://www.facebook.com/stockjournoey น่าจะเป็นเพจที่สอนพื้นฐานเรื่องกราฟเข้าใจง่ายที่สุดแล้ว

และก็ยังมี https://www.facebook.com/iSalaryman ที่ผมชอบเข้าไปดูเข้าสอนทำการบ้านหุ้นไล่พาวิเคราะห์ทีล่ะตัว แล้วถ้าใครได้พื้นฐานแล้วก็ต่อยอดที่ https://www.facebook.com/popthecoach/  จะมีความรู้พวกท่ายากต่างๆให้เราเรียนอย่าง ichimoku การวิเคราะห์หุ้นแบบ PVM


3 สายเล่นสั้น Day Trade

 สายนี้จะเป็นแนวเทรดเป็นอาชีพ คือเฝ้าจอทั้งวัน ก็จะเน้นดูกราฟเป็นหลัก คล้ายๆกับ Swing Trade แต่จะใช้ Timeframe  ที่เล็กกว่า ถ้า Swing Trade ดูกราฟรายวัน รายสัปดาห์ Day Trade จะดูราย ชั่วโมง ถึง ระดับ 5 นาทีลงมา แทบจะห้ามเข้าห้องนํ้าตอนตลาดเปิด 

สายนี้ข้อดีคือเห็นเงินรายวัน เล่นเก็งกำไรจบเป็นวันๆ ซึ่งผมก็พยายามเล่นแบบนี้ แบ่งพอร์ทกันกับแบบ Swing Trade อยู่
เพราะตอนนี้ไม่ได้ทำงานประจำสามารถนั่งเฝ้าได้ทั้งวัน ก็จะได้เห็นการเคลื่อนไหวรายวัน เพราะบางที เราซื้อหุ้นทิ้งไว้แล้วเกิดเหตุการณ์ไม่ดี ทิ้งไปสองสามวันหุ้นติดลบลงมา 20 30% ก็เป็นไปได้ แต่ถ้าใครไม่ได้เล่นแบบ Day Trade ก็สามารถใช้โปรแกรมต่างๆตั้งแจ้งเตือนเวลาเจอเหตุการณ์ผิดปกติมากๆได้เหมือนกัน

ข้อเสีย สายนี้เพื่อนๆพี่ๆหลายๆคนจะไม่แนะนำให้เล่น เพราะต้องเป็นคนเก่งจริงๆ การหาโอกาสเข้าหุ้นรายวันเป็นไปได้ยาก การเล่นแบบนี้คือเราเทรดทุกวัน เพราะเฉพาะก็ต้องเสียค่าคอม (ค่าบริการของโบรกเกอร์ ) ทุกวัน และก็มีโอกาสเข้าพลาดแล้วทำให้ขาดทุนได้บ่อยขึ้น

แต่ถ้าใครอยากลองศึกษาดู ก็ให้ลองเล่นในพอร์ทจำลองก่อนที่ https://click2win.settrade.com/SETClick2WIN/index.jsp เราจะได้ใช้โปรแกรม Streamming เหมือนกับเวลาเทรดจริงเลยแถมมีเงินให้ 5 ล้าน มาลองเทรดได้ ผมแนะนำให้ลองจากเว็บนี้ก่อน ทุกสาย ให้เข้าใจการทำงานของ Stremming ในการซื้อขายหุ้นก่อน แล้วค่อยไปเล่นที่บัญชีจริง

ส่วนพวกเนื้อหาผมก็พยายามหาแหล่งสอนฟรีแล้ว แต่ก็ไม่ค่อยได้อะไร ส่วนใหญ่ก็ลองสังเกต ที่นั่งเฝ้าดู ค่อยๆเก็บพฤติกรรมหุ้นดูว่าเราจะหาจังหวะเข้าซื้อและขายในวันแบบไหนดี

อ่อ แล้วก็หุ้นทุกตัวไม่ใช่ว่าจะเล่นแบบ Day Trade ได้ โดยส่วนใหญ่เขาจะเล่นหุ้นใน SET50 กัน คือเป็นหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีปริมาณซื้อขายต่อวันสูง เพราะช่วงแรกๆที่ไม่รู้ ก็ดูหุ้นที่เราเริ่มเล่น ขยับวันล่ะช่อง 2ช่อง เล่นไปกำไรนิดเดียวไม่คุ้มเวลานั่งเฝ้า  แต่พอไปดูหุ้นใน SET50มันวิ่งกันวันล่ะ 5 ช่อง 10 ช่อง เข้าถูกกำไรเยอะ แต่ถ้าผิดทาง วันเดียวก็หายไปเยอะได้เหมือนกัน


ใครที่เข้าใจแล้วว่าการเล่นหุ้นแบบ 3 ประเภทใหญ่ๆ ก็ลองสำรวจตัวเองดูว่าชอบแนวไหน

เช่น ถ้าทำงานประจำอยู่ ก็ตัดแบบที่ 3 ออกไปได้เลย

ถ้าไม่ชอบเสี่ยงมากแค่อยากหาที่เก็บเงินที่ได้ดอกดีกว่าฝากธนาคาร การเป็น VI ก็เป็นทางเลือกที่ดี 
แต่ผมก็แนะนำว่าควรรู้เรื่องกราฟบ้างเพราะอย่างที่เล่าด้านบน ถึงหุ้นดีแต่ถ้าช่วงนั้นเป็นขาลง เราก็ยังไม่ควรเข้าซื้อ ควรรอให้เป็นขาขึ้นก่อนดีกว่า

แล้วอีกคำถามที่คนจะชอบถามกันคือเลือกโบรกเกอร์ในดี คำตอบที่ดีทีสุดของผมคือ สมัครทุกโบรกเลย เพราะเวลาเราสมัครแล้ว แต่ล่ะโบรกก็จะมีโปรแกรมให้สมาชิกได้ใช้ของใครของมัน ดีกันคนล่ะอย่าง และก็มีไลน์ส่งข้อมูลให้ ซึ่งถ้าเรายิ่งสมัครเยอะก็ยิ่งได้เยอะ ก็จะได้เปรียบคนอื่น แต่แนะนำว่าให้อ่านแล้วเอามาวิเคราะห์เอง อย่าเชื่อไปทั้งหมด อ่อแล้วเวลาเลือกหุ้น ข้อสำคัญคือให้เลือกเอง ถ้าเราไม่สามารถเลือกหุ้นเล่นเอง เราไม่ควรไปซื้อ เพราะเวลามีคนบอกว่าหุ้นตัวนั้นตัวนี้ดี มันอาจจะไม่ดีสำหรับเรา เช่น ที่เขาบอกว่าดีอาจจะหมายถึงต้องถือไป 5 ปี 10 ปี เพราะเขาเป็นสาย VI แต่เราไม่ได้อยากถือนานขนาดนั้น พอซื้อปั๊บหุ้นอาจจะราคาลงมาจนเรานอนไม่หลับ แล้วสุดท้ายก็ต้องขายขาดทุน มั้งที่จริงถ้าถือรอไปอีก 5 ปี อาจะขึ้นจริงๆอย่างที่เขาบอกว่าดีก็ได้  แต่ถ้าเราเลือกหุ้นเอง เราจะมองจังหวะ เลือกเข้าออกหุ้น ที่พอดีกับชีวิตเราเองได้ ถึงแม้จะมีพลาดบาง แต่ก็จะได้ประสบการณ์ ค่อยๆปรับหลักการคิดเลือกหุ้นให้ดีขึ้นๆไปได้เรื่อยๆ ต่างจากคนที่รอหุ้นจากคนอื่น ไปได้ยินข่าวหุ้นปั่น แล้วเข้าตามเขาอาจจะติดยอดดอยได้ (ซื้อหุ้นในราคาสูงแล้วราคามันร่วงลงมาเยอะมากๆ)


สุดท้ายใครที่อยากเล่นหุ้น ก็อยากจะเริ่มศึกษาก่อน ลองเล่นจากพอร์ทจำลอง แล้วค่อยไปเปิดบัญชี เติมเงินน้อยๆ ดูก่อน ถ้าโอเคแล้วค่อยเอาเงินก่อนไปลง เพรราะคนส่วนใหญ่ที่ขาดทุนหนักแล้วห่างจากตลาดไป เพราะอยากรวยเร็ว มีเงินก่อนก็รีบเอามาลงทุนหุ้นแบบไม่มีความรู้ ซึ่งมักจะทำให้มีโอกาสเจ๊งสูงครับ
แต่ถ้าเราเริ่มจากน้อยๆก่อน พอเริ่มเป็นเริ่มเก่งค่อยเติมเงินเข้าบัญชี แล้วพอเงินค่อยเอาเงินก้อนมาลง มันก็จะป้องกันความเสี่ยง ความผิดพลาดต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น